แพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน กาญจนบุรี ปิล็อก สังขละบุรี ราคาพิเศษเพียง 4,999 บาท จากราคาปกติ 5,990 บาทต่อท่าน
วันที่ 1 กรุงเทพฯ-วัดถ้ำเสือ-มีนาคาเฟ่-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี-วัดวังก์วิเวการาม-ล่องเรือวัดเมืองเก่า
06.00 น. คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย (จุดจอดรถ เดอะบาซาร์ รัชดาภิเษก แยกรัชดา-ลาดพร้าว ฝั่งเซเว่น) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและเป็นไปตามมาตรฐาน SHA เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าเพื่อคัดกรองก่อนขึ้นรถ บนรถจะมีแอลกอฮอล์เจลล้างมือให้บริการ และเว้นระยะห่างการนั่งในรถ
รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่1)
06.30 น. ออกเดินทางสู่จังหวัดกาญจนบุรี
นำท่านเข้าชม วัดถ้ำเสือ เป็นวัดเก่าแก่แต่โบราณกาล มีประวัติสืบย้อนไปได้ถึงปี พ.ศ. 2514 มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา พร้อมด้วยพระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทยประดับลวดลายสวยงาม และเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทสูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ จากเนินเขาสามารถชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบและเขื่อนวชิราลงกรณ์โดยรอบได้ในมุมกว้าง
นำท่านแวะ มีนาคาเฟ่ คาเฟ่สุดชิค บรรยากาศสุดชิล ริมทุ่งนาหลังวัดถ้ำเสือ ทำให้สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้จากด้านหน้าร้าน แถมมีสะพานทอดยาวกลางทุ่งให้เดินเล่นชมวิว ถ่ายภาพเช็คอินเก๋ๆหลายมุม เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกาญจนบุรีที่ไม่ควรพลาด
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่2)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สังขละบุรี นำท่านเข้าชม วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย ชาวกะเหรี่ยง และโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่มีความเลื่อมใสและศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะเป็นดั่ง เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม เกิดขั้นจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และยังเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยจำพรรษา วัดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ
นำท่าน ล่องเรือวัดเมืองเก่า และหอระฆังของเมืองบาดาล (โบสถ์จมน้ำ) “วัดวังก์วิเวการาม” (เก่า) หรือ “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ในปี พ.ศ.2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 220 กิโลเมตร ต่อมาปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนเขาแหลมจะเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดนี้ด้วย จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี เหลือเพียงซากปรักหักพังของวัดและอาคารบ้านเรือน ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อน้ำลดระดับลง เมืองบาดาลทั้งเมืองก็จะเผยความงดงามของโบราณสถาน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร (มื้อที่3)
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก P. Guest House หรือเที่ยบเท่า (สังขละบุรี)
หมายเหตุ ที่พักท้องถิ่นไม่สามารถระบุประเภทเตียงได้
วันที่ 2 ตักบาตรสะพานมอญ-เขื่อนวชิราลงกรณ์-อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ-จุดชมวิวเนินช้างเผือก-จุดชมวิวเนินช้างพลาย-น้ำตกจ๊อกกระดิ่น-หมู่บ้านอีต่อง
06.00 น. นำท่านใส่บาตรพระตอนเช้าบริเวณ สะพานมอญ (สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย) สัมผัสมนต์เสน่ห์สังขละบุรีและวิถีชีวิตชาวไทย-มอญ ท่านสามารถร่วมแต่งชุดชาวมอญเพื่อใส่บาตรและเดินถ่ายรูปสวยๆของสะพานมอญได้ (มีบริการเช่าชุดที่ร้านขายอาหารใส่บาตร หรือ ซื้อเป็นที่ระลึกได้ที่ร้านระหว่างทางเดินไปสะพาน มีให้เลือกหลากหลายร้าน)
เช้า รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่4)
นำท่านชม เขื่อนวชิราลงกรณ์ เดิมมีชื่อว่า เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของประเทศไทยที่ดาดผิวหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย เป็นเขื่อนอเนกประสงค์โดยมีวัตถุประสงค์ด้านผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก สร้างปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย เขื่อนนี้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2522 และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2527 เขื่อนวชิราลงกรณ์เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่สามารถผสมผสานไปกับความงามตามธรรมชาติ ของภูมิประเทศ ได้อย่างเหมาะสม จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ควรค่าแก่การเยี่ยมชมแห่งหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
นำชมเขาแหลมสกายวอล์ค ตั้งอยู่ภายในเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือ เขื่อนเขาแหลมกาญจนบุรี เป็นสะพานทางเดินกระจกใสแบบยกสูงที่มองเห็นพื้นเบื้องล่าง รวมทั้งวิวเบื้องหน้าเป็นทิวเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนเขียวขจี โดยอยู่สูงจากพื้นดิน 8 เมตร และยาวประมาณ 34 เมตร บริเวณปลายสะพานยังมีม่านน้ำตกไหลลงสู่สระน้ำสวยงาม ด้านข้างยังมีสวนดอกไม้ และสไลเดอร์เนินหญ้า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่5)
13.00 น. จากนั้นนำท่านชม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยแนวเทือกเขานั้นวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ อันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี โดยมียอดเขาสำคัญหลายแห่ง อาทิเช่น เขาช้างเผือก เขานิชา เขาชะโลง ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นต้นน้ำของลำห้วยต่าง ๆ เช่น ห้วยมาลัย ห้วยกบ ห้วยเจ็ดมิตร ฯลฯ โดยลำห้วยเหล่านี้ไหล ลงสู่ที่ราบทางทิศตะวันอออกสู่เขื่อนเขาแหลมและอีกส่วนไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย นำท่านชมจุดชมวิวเนินช้างเผือก และจุดชมวิวเนินช้างพลาย เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวเขาได้แบบกว้างไกลและสวยงามมาก จุดนี้จะเห็นทั้งทิวเขาข้างเผือกและเขื่อนวชิรลงกรณ์ที่อยู่ด้านล่างแบบไกลๆ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของอุทยานฯ จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังน้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร เส้นทางเข้าไปยังน้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นคอนกรีตตลอดทางรถทุกชนิดสามารถขับเข้าไปได้ อาจมีโค้งชันช่วงหนึ่งที่สั้นๆที่ชันและแคบ แต่มีเจ้าหน้าที่คอยมาโบกให้สลับกันวิ่ง ซึ่งจะแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่ต้องใช้รถกระบะโฟรวิวเท่านั้น เมื่อมาถึงแล้วสามารถแสดงบัตรเข้าที่ซื้อจากตอนแวะไปยังตัวอุทยานฯได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใหม่ หรือถ้าแวะน้ำตกจ๊อกกระดิ่นก่อน สามารถนำบัตรเข้าชมยังจุดชมวิวภายในอุทยานทองผาภูมิได้ โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใหม่เช่นกัน แต่ต้องใช้บัตรในวันเดียวกัน
ออกเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก เขตทำเหมืองเก่า ระหว่างทางวิวสวยมาก เห็นน้ำตกไหล จากภูเขา เดินทางถึง "บ้านอีต่อง" หมู่บ้านขนาดน่ารัก สามารถเดินเป็นวงกลมรอบนึงได้สบายๆ เพียง 10-15 นาทีแค่นั้น โดยในอดีตเคยเป็นเมืองทำเหมืองที่เคยรุ่งเรือง อย่างเช่น เหมืองปิล็อก เหมืองสมศักดิ์ แต่หลังจากที่เหมืองปิดตัวลงไป ชาวบ้านทั้งคนไทยและคนพม่าที่ลงหลักปักฐานที่นี่ก็ยังคงอาศัยอยู่ตามเดิมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่ยังคงความเสน่ห์ของเมืองเหมืองเก่านั่นเอง มีเอกลักษณ์ ตรงที่ความเงียบสงบ วิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่าย ทั้งสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ความงามของสภาพภูมิประเทศ จึงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางแวะเวียนมาเยือน นำท่านเที่ยวชม หมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เจริญที่สุดสมัยที่กิจการเหมืองรุ่งเรือง เที่ยวชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านอีต่อง เลือกซื้อของที่ระลึก ขนมพื้นเมือง ณ ถนนคนเดินบ้านอีต่อง
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น (มื้อที่6)
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก ที่หมุ่บ้านอีต่อง ปิล็อก (หมายเหตุ*ที่พักท้องถิ่นเป็นแบบโฮมสเตย์ ไม่สามารถระบุประเภทเตียงได้)
วันที่ 3 เนินช้างศึก-ต้นจามจุรียักษ์-ร้านกาแฟมัลเบอร์รี่เมลโล่-วัดถ้ำพุหว้า-วัดไชยชุมพลชนะสงคราม-กรุงเทพฯ
นำท่านชมเนินช้างศึก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและลงที่สวยที่สุดในประเทศไทยซึ่งเส้นทางค่อนข้างชันและเป็นหลุมจึงต้องเดินทางโดยรถ 4WD นำท่านชมทะเลหมอกที่จุดนี้โดยท่านจะได้เห็นโรงส่งท่อก๊าซธรรมชาติที่ส่งมาจากพม่าเข้าสู่ไทย บรรยากาศโดยรอบของหมู่บ้านอีต่องด้วย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารที่พัก (มื้อที่7)
นำท่านอำลาหมู่บ้านอีต่อง เพื่อเดินทางสู่กาญจนบุรี
นำท่านชม ต้นจามจุรียักษ์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกาญจนบุรี โดยรอบต้นจามจุรียักษ์มีสะพานไม้ลักษณะวงกลมรอบต้นไม้ เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวเหยียบรากต้นไม้หรือขูดโชคตามความเชื่อ เนื่องจากต้นไม้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปี โอบร้อมด้วธรรมชาติ ท่านสามารถถ่ายรูปและสัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติได้อย่างลงตัว
นำท่านแวะชม ร้านกาแฟมัลเบอร์รี่เมลโล่ เชิญลิ้มลองรสลมุนของกาแฟได้ตามอัธยาศัย ร้านกาแฟท่ามกลางธรรมชาติโดยภายหลังร้านมีสวนให้ท่านได้แวะชมพักผ่อนและถ่ายรูปเช็คอินได้ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่8)
นำท่านเข้าชม วัดถ้ำพุหว้า เป็นศิลปะแบบขอมประยุกต์ วัดตั้งอยู่ท่ามกลางป่าบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบเหมาะแก่การวิปัสสนาและสงบจิตใจแต่เดิมวัดแห่งนี้มีถ้ำเป็นอุโบสถ แต่ปัจจุบันได้รับการ บูรณะให้สวยงามด้วยการสร้างอุโบสถหินทรายมีการแกะสลักลวดลายรอบอุโบสถ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติมีปล่องแสงภายในถ้ำเพื่อให้แสงส่อง ลงมา มีพระพุทธรูปหลายองค์ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสหภาพเมียนมาร์ประดิษฐานไว้ให้ท่าน ได้สักการะบูชา มีพระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานเป็นองค์ประธาน ใกล้กับพระอุโบสถยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่
นำท่านเข้าชม วัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง สร้างในสมัยกรุงศรี อยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่บนริมแม่นํ้าแคว ทางทิศใต้ เป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ระหว่างสงครามไทย รบกับพม่ามาแต่โบราณ ส่วนมาก ทัพพม่าจะต้องยกทัพมาทางด่านพระเจดีย์ ๓ องค์ ผ่านตรงเข้าจังหวัดกาญจนบุรีแทบทุกครั้งและกองทัพไทย ที่ยกออกไปต่อต้านทัพพม่าก็จะต้องมาพักแรม บริเวณอาณาเขตวัดไชยชุมชนะสงคราม แทบทุกครั้ง ณ วัดแห่งนี้มี พระเจดีย์เก่าแก่องค์ หนึ่งอยู่ใกล้พระอุโบสถหลังเก่า ริมตลิ่งพระเจดีย์ และที่โดดเด่นอยู่ภายในวัด ซึ่งสร้างเพื่อใช้เป็นเมรุสำหรับตั้งศพของเจ้าอาวาส องค์เก่า หลังจากพิธีศพเสร็จสิ้นไป เรือเทวดาจึงกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่น
นำคณะทัวร์ทุกท่านเดินทางกลับสู่กทม.โดยระหว่างทางแวะให้คณะทัวร์ทุกท่านได้ซื้อของฝากที่เมืองกาญจน์
เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
3D2N package in Kanchanaburi - Pilok - Sangkhla Buri special price only 4,999 baht from normal price of 5,990 baht/person
First day: Bangkok - Wat Tham Suea - MEENA Café - Thong Pha Phum - Sangkhla Buri - Wat Wang Wiwekaram – sailing to see old temple
06.00 – meet staff at the Bazaar Ratchadaphisek and have breakfast.
06.30 – go to Kanchanaburi.
Go to Wat Tham Suea and pay respect to the Buddha image in the attitude of giving a blessing. Next, go to MEENA Café and enjoy taking photos with beautiful scenery.
Noon – lunch at a restaurant
Go to Sangkhla Buri and visit Wat Wang Wiwekaram. Pay respect to Luang Por Uttama. After that, sailing to see the old temple and bell tower submerged underwater at Mueang Badan which is a part of Wat Wang Wiwekaram.
Evening – dinner at a restaurant
Accommodation: P. Guest House or equivalent (Sangkhla Buri)
Note: local accommodation, unable to choose bed type
Second day: giving alms to monks at Mon Bridge - Vajiralongkorn Dam - Thong Pha Phum National Park - Chang Phuak Hill Viewpoint – Chang Phlai Hill Viewpoint - Chokkradin Waterfall – Ban E-tong
06.00 – give alms to monks at the Mon Bridge and enjoy experiencing Mon people’s lifestyle.
Morning – breakfast
Go to Vajiralongkorn Dam and enjoy a stunning view. After that, go to Khao Laem Skywalk and sightseeing the view from the glass skywalk.
Noon – lunch at a restaurant
13.00 – go to Thong Pha Phum National Park. Visit Chang Phuak Hill Viewpoint and Chang Phlai Hill Viewpoint and sightseeing stunning scenery. After that, go to Chokkradin Waterfall. Next, go to Ban E-tong Community and experience the local people’s charming lifestyle.
Evening – dinner at a local restaurant.
Accommodation: Ban E-tong Community Pilok
Note: local homestay, unable to choose bed type
Third day: Noen Chang Suek – Giant Chamchuri Tree - Mulberry Mellow Café - Wat Tham Pu Wa - Wat Chai Chumphon Chana Songkhram – Bangkok
Go to Noen Chang Suek. Sightseeing the stunning sunrise and the sea of mist.
Morning – breakfast at the homestay
Say goodbye to Ban E-tong Community and go to see the Giant Chamchuri Tree. Next, visit Mulberry Mellow Café and enjoy a cup of nice coffee.
Noon – lunch
After that, go to Wat Tham Pu Wa and pay respect to the Buddha Image in the attitude of meditation. Next, go to Wat Chai Chumphon Chana Songkhram.
Buy souvenirs and go back to Bangkok.
Arrive in Bangkok safely.